วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

"การลงทุนในตลาดเงินไม่สามารถทำให้รวยได้ในระยะสั้น แต่นักลงทุนต้องเน้นการลงทุนในระยะยาวเพื่อความเป็นไปได้ที่สูงกว่าครับ"

                                                ลงทุนในกองทุน  อย่างไรให้ปลอดภัย

            หลายๆคนคงรู้จักกองทุนรวม  และอีกหลายๆคนคงเคยได้ลงทุนในกองทุนรวมกันบ้างแล้ว  บางคนก็ประสบความสำเร็จ  บางคนก็เจ็บตัว เจ็บใจมาไม่ใช่น้อย  เอาเป็นว่าคนที่เคยประสบความสำเร็จ  คุณมั่นใจหรือไม่ว่าที่คุณว่ากำไร มันโชคช่วย หรือฝีมือ  และสำหรับคนที่เจ็บตัว ก็ลองศึกษาวิธีการลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยที่ผมกำลังจะแนะนำกันดูนะครับ  งั้นขอเริ่มต้นความสำคัญลำดับแรกในการลงทุนกันเลยครับ

ผู้ลงทุนต้องทราบวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่แน่ชัด  คือ คนที่จะเริ่มลงทุนในกองทุนรวมนั้น  จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาความต้องการของตัวเองให้เจอเสียก่อน  มิเช่นนั้นคุณจะไม่สามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณได้ และคุณจะหลงทางไปตลอดในเส้นทางการลงทุนของคุณ

 ตัวอย่างเช่น  ผมตั้งเป้าหมายในการซื้อกองทุนก็เพื่อ จะมีสวัสดิการในยามเกษียณอายุ  ระยะเวลาที่ผมคาดหวังคือ 20 30 ปี    โดยที่ผมต้องการมีเงินตอนเกษียรอายุเป็นจำนวน 10 ล้านบาท ( เป็นตัวเลขในการลงทุนที่ผมคาดการไว้จริงๆครับ)

จะเลือกซื้อกองทุนรวมอย่างไร ตัวไหนดี มันดูยังไง

   อันนี้เป็นขั้นที่ 2 ภายหลังที่เราได้ทราบเป้าหมายที่เราวางไว้แล้วครับ  หลักในการเลือกซื้อกองทุนหลักๆนะครับ มีดังนี้
1.)   ให้ดูผลประกอบการย้อนหลังไปประมาณ 5 10 ปี  ว่าผลการดำเนินงานดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหรือไม่  ซึ่งตรงนี้สามารถไปศึกษาได้จาก “หนังสือชี้ชวน” ของกองทุนรวมนั้นๆ

2.)      หากเป็นไปได้ควรให้น้ำหนักไปที่  กองทุนรวมที่ฝ่าวิกฤตปี 2540 มาได้  เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีการบริหารความเสี่ยงได้ดี  ซึ่งทำให้เรามั่นใจได้พอสมควรว่าเงินต้นเราจะไม่หายไปไหนง่ายๆ  และในทางกลับกันควรระมัดระวังกองทุนรวม ที่พึ่งจัดตั้งและมีผลประกอบการร้อนแรงในช่วงเริ่มต้นไว้ให้ดี

3.)     กองทุนรวมที่ดี และที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่คาดหวังระยะยาว   ควรจะต้องมีเงินปันผล  และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ (ไม่จำเป็นต้องทุกปี เพราะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ คงไม่มีกองทุนรวมที่ไหนทะลึ่งจ่ายแน่นอน )

4.)      หากเป็นไปได้ควรเข้าไปดูนโยบายการบริหารของแต่ละกองทุน  ว่ามีหลักในการบริหารอย่างไร  ยกตัวอย่าง ในกรณีของผมละกันครับ  ปัจจุบันผมซื้อกองทุนบัวแก้วปันผล(ของ ธ.กรุงเทพ) เขามีนโยบายการบริหาร แบบเน้นระยะยาว และเน้นการลงทุนแบบระมัดระวัง  ซึ่งหมายความว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นร้อนแรง กองทุนนี้ก็กำไรไม่สูงเท่ากับกองทุนอีกหลายๆตัว(แต่ก็มีกำไรที่ไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้น)  แต่ในทางกลับกันหากปีใดตลาดหุ้นเริ่มแย่  กองทุนนี้ก็จะขาดทุนน้อยกว่ากองทุนอื่นๆ ที่มุ่งเน้นผลกำไร มากกว่าความระมัดระวัง เป็นต้น




5.)      สุดท้ายอันนี้  ถ้าคุณมีเวลาว่างพอก็ควรจะสืบหาประวัติผู้บริหารกองทุน ที่เราจะเลือกลงทุน  ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน  มีประสบการณ์ทางด้านใด  แล้วเขามีวิสัยทัศน์อย่างไร  และที่สำคัญที่สุดในบทสัมภาษณ์เขามีการตอบประเด็นที่ตรงไปตรงมาหรือไม่  หรือที่เราเรียกว่า “การมีธรรมาภิบาล” ที่ดีหรือไม่


การซื้อกองทุนที่ถูกต้อง และสามารถเอาชนะตลาดได้

                ขอนี้เป็นหัวใจสำคัญที่สุด สำหรับนักลงทุน  ผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ทราบวิธีการนี้  และผมก็เชื่อต่อว่าถึงนักลงทุนหลายๆคนจะรู้วิธีการนี้แต่ก็ไม่คิดที่จะทำ  เพียงเพราะพวกเขามองไม่เห็นผลในระยะยาวนั่นเอง   วิธีการดังกล่าว เป็นวิธีการที่อาจารย์อุ้น เขาได้สอนผมมา  ซึ่งในตอนแรกผมก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่  วิธีนี้เรียกว่า “การเฉลี่ยซื้อ” 

การเฉลี่ยซื้อ คือ การแบ่งเงินจำนวนที่เท่ากันทุกๆเดือนเพื่อซื้อหน่วยลงทุน  โดยไม่ต้องไปสนใจว่าราคาหน่วยลงทุนจะขึ้น หรือลงอย่างไร 


วิธีการซื้อลงทุนในระยะยาวที่ถูกต้อง มีดังนี้

1.)      ตั้งเป้าหมายในอนาคตว่าต้องการมีเงินตอนเกษียรเท่าไหร่  แล้วจากนั้นก็มาคำนวณหาว่าเราจะต้องซื้อเฉลี่ยซื้อกองทุนรวม เดือนละเท่าไหร่  ยกตัวอย่างเช่น  ต้องการเงินตอนเกษียณอีก 30 ปีข้างหน้าเป็จำนวนเงิน 4 ล้านบาท โดยคาดหวังว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 10% (อันนี้ผมสมมติแบบกลางๆนะครับ) จะได้เงินลงทุนที่จะต้องเฉลี่ยซื้อต่อเดือนอยู่ที่ 2,000 บาท) เป็นยังไงบ้างครับ  ดูเหลือเชื่อมั๊ยครับ  ออมเดือนละ 2,000 บาท อีก 30 ปีข้างหน้า มีเงินก้อน 4 ล้านบาท

2.)      เงินปันผลที่ได้รับมาในแต่ละรอบของปี  ให้เพื่อนๆ เอาเงินจำนวนดังกล่าวซื้อกลับเข้าไปในกองทุนรวมนะครับ  ที่เขาเรียกว่า  “Reinvestment” หรือถ้าเป็นศัพท์ในวงการเงินฝากเขาเรียกว่า “ดอกเบี้ยทบต้น” เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ครับ ว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขายกย่องให้วิธีการ  ดอกเบี้ยทบต้น ว่าเป็น "แรงที่มีพลังที่สุดในโลก" เลยทีเดียว




3.)      ถ้าในระหว่างปี  มีเหตุการบางอย่างทำให้กองทุนนั้นๆ มีการปรับตัวลง  เพื่อนๆไม่ควรเข้าไปซื้อเพิ่มเติมนะครับ  เพราะอันนี้ผมเจอเข้ากับตัวแล้ว  เนื่องจากว่าไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าราคาที่ปรับตัวลงนั้นมันจะไม่ปรับตัวลงมาอีก  ยิ่งถ้าเราไปซื้อเก็บไว้จำนวนมากๆ  มันจะทำให้ราคาต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นตามไปด้วยครับ  ตามตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ  เป็นราคาที่ผมซื้อจริงๆครับ

วันที่ซื้อ
ราคาซื้อ
จำนวนหน่วย
คิดเป็นเงิน
มูลค่าสะสม
27/3/2012
4.9425
404.6535
2,000
2,000
27/4/2012
5.1226
390.4267
2,000
4,000
28/5/2012
4.9278
405.8606
2,000
6,000
27/6/2012
5.0603
395.2334
2,000
8,000
27/7/2012
5.1204
390.5944
2,000
10,000
12/9/2012
4.5462
3299.4588
15,000
25,000
27/9/2012
4.6846
426.9307
2,000
27,000
29/10/2012
4.7225
433.5045
2,000
29,000
27/12/2012
5.3197
375.9611
2,000
31,000
28/1/2013
5.5938
357.5387
2,000
33,000
18/3/2013
5.3816
4645.4586
25,000
58,000
27/3/2013
5.2728
379.3051
2,000
60,000
29/4/2013
5.2927
377.8789
2,000
62,000
27/5/2013
5.1995
384.6523
2,000
64,000
29/7/2013
4.7235
423.4148
2,000
66,000
27/8/2013
4.2888
466.3309
2,000
68,000
27/9/2013
4.6848
426.9125
2,000
70,000
28/10/2013
4.7906
417.4842
2,000
72,000
ราคาเฉลี่ย
4.9819






มาถึงตรงนี้เพื่อนๆทราบหรือไม่ครับว่า  การซื้อแบบเฉลี่ย มันดียังไง     หากเรามีวินัยซื้อแบบต่อเนื่องตามแผนที่เราวางไว้  จะทำให้เรามีราคาของหน่วยลงทุน หลากหลายราคา  เพราะว่าเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าราไหนแพง ราคาไหนถูก   แต่พอเรานำมารวมกันแล้วหาคาเฉลี่ยเราก็จะได้สิ่งมหัศจรรย์ คือ ราคากลาง  ซึ่งตามตัวอย่างด้านบน ราคาเฉลี่ยคือ 4.9819 บาท/หน่วย ถ้าคิด ณ วันที่ 28/10/2013 ราคาตลาดเท่ากับ 4.7906 บาท/หน่วย ถ้าผมขายผมจะขาดทุนเพียง 0.1913 บาท/หน่วย ในทางกลับกันถ้าผมไม่ซื้อเฉลี่ย แต่ผมไปซื้อช่วงราคาในวันที่ 28/1/2013 ทุกบาททุกสตางค์ในครั้งเดียว ผมจะขาดทุนเท่ากับ 0.8032 บาท/หน่วย เพื่อนๆคงจะเห็นข้อดีของกลยุทธ์การซื้อเฉลี่ยแล้วนะครับ  สุดท้ายนี้นะครับอยากจะขอให้เพื่อนๆปรับทัศนะคติในการลงทุนว่า "การลงทุนในตลาดเงินไม่สามารถทำให้รวยได้ในระยะสั้น  แต่นักลงทุนต้องเน้นการลงทุนในระยะยาวเพื่อความเป็นไปได้ที่สูงกว่าครับ" มาถึงตรงนี้ก็ขอฝากผลงานตามเช่นเคยครับ  และวันนี้ก็น่าจะพอหอมปากหอมคอกันไม่มากก็น้อยนะครับ  เดี๋ยวในครั้งหน้าจะมาแชร์ประสบการณ์แมงเม่าในตลาดหุ้นให้ฟังครับ  By Special_Pong

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น