กลับมาแล้วครับตามคำสัญญาที่บอกเอาไว้ว่าจะมาเพิ่มเติมจากเมื่ออาทิตย์ก่อน งั้นผมไม่รอช้าแล้วครับ มาเริ่มกันเลยครับ ( ภาค 2 )
ติดแก๊สรถยนต์ คุ้มหรือเสีย ยังไง ? (ภาค2)
จากเรื่องราวเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ผมได้แชร์เรื่องการตัดสินใจติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ไปนั้น ครั้งนี้จะมาขอแชร์เพิ่มเติม ว่าด้วยเรื่อง การเลือกยี่ห้อผลิตภัณฑ์ , การเลือกร้านติดตั้ง , ความคุ้มค่า , ปัญหาในการใช้งาน และรวมไปจนถึงวิธีการดูแลเบื้องต้น
ขอเริ่มเรื่องแรกที่ การเลือกยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ก่อนนะครับ หลายๆคนคงเคยได้ยินโฆษณาระบบแก๊สรถยนต์จากทางทีวี , วิทยุ และสื่อต่างๆ ไปบ้างแล้ว โดยที่ในประเทศไทยเรามีเจ้าใหญ่ๆด้วยกัน 3 เจ้า คือEnergy Reform , Versus , AC แต่ที่เคยได้ยินบ่อยๆจะเป็น 2 แบรนด์แรก แต่จากการที่ผมสอบถามมาจากผู้รู้และในอินเตอร์เน็ต ทั้ง 3 แบรนด์หลักๆนี้ ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ค่อยจะแตกต่างกันสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ชุดอุปกรณ์ติดตั้งก็มาจากอิตาลีกันทั้งนั้น จะแตกต่างกันก็ต้องที่ Software ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็โฆษณาในจุดเด่นของตัวเอง ดังนั้นผมจึงมองว่าทั้ง 3 ยี่ห้อ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ที่เหมาะสมแก่การติดตั้งทั้ง 3 แบรนด์ครับ ดังนั้นหลักในการตัดสินใจติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์(หลักการส่วนตัว) คงเหลือเพียง 2 ข้อดังนี้
1.) ราคา : ถ้าพูดกันตรงไปตรงมา 2 ยี่ห้อแรก จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการทำการตลาดในเรื่องของการโฆษณาในสื่อที่หลากหลาย จึงอาจทำให้ต้นทุนสูงกว่ายี่ห้อหลัง
2.) เทคโนโลยี : ทั้ง 3 ยี่ห้อนี้ก็มีระบบการทำงานของระบบที่ไม่แตกต่างกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่เทคโนโลยี อย่างเช่น Versus มีระบบตัดแก๊สที่ด้านหน้ากระโปรงรถยนต์ หากมีปริมาณแก๊สรั่วออกมาในปริมาณที่ตั้งค่าไว้ ก็จะมีเจ้ากล่องตัวหนึ่งตัดระบบแก๊สทั้งระบบ ( แล้วเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแทน) เป็นต้น
จากหลักการส่วนตัวของผม จึงตัดสินใจติดตั้งยี่ห้อ AC ทั้งนี้เนื่องจากข้อ 1. คือมันถูกกว่าชาวบ้านเขา และอีกอันก็คือ เป็นเจ้าแรกที่เข้ามาในเมืองไทย (แต่การตลาดอาจจะสู้ 2 ยี่ห้อที่ว่าไม่ได้) หลังจากการที่เราเลือกยี่ห้อที่จะติดตั้งได้แล้ว อันดับต่อไปเราก็ไปหาร้านที่รับติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์กัน
เริ่มต้นการค้นหาร้านติดตั้งระบบแก๊ส วิธีการที่ผมใช้ค้นหามีดังนี้
1.) ในยุค Social Network อย่างนี้ พวกเราคงมีอาจารย์คนเดียวกันนะครับ งั้นลงมือค้นหาใน Google กันเลยครับ โดย Search ยี่ห้อที่สนใจ พร้อมทั้งระบุจังหวัด กันเลยครับ
2.) หากได้ร้านที่เป็นตัวแทนติดตั้งแล้ว ให้โทรสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกันก่อนเลย ซึ่งสิ่งที่ควรจะสอบถามก็มีดังนี้ ราคา , ระยะเวลาติดตั้ง , มีประกันภัยหรือไม่ , มีใบวิศวะกรรับรองหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่ผมมองว่าสำคัญ
จากการที่ผมได้ค้นหาร้านที่รับติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์จากอาจารย์ Google แล้ว ผมก็โทรไปแต่ละที่ และได้ข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป จนสุดท้ายมาจบที่ร้านๆหนึ่ง ( ชื่อร้าน Toyo2009 ) ร้านนี้อยู่ในจังหวัดภูเก็ตนะครับ ก็ได้พูดคุยกับเจ้าของอู่ครับ ซึ่งเผอิญว่าเจ้าของอู่เคยเป็นครูฝึกช่างที่ Toyota มาก่อน อันนี้โดนมากครับ เพราะรถยนต์ที่เราใช้ก็ Toyota แถมพี่แกคุมงานด้วยตัวเองด้วย แต่ในตอนแรกผมติดเรื่องของราคานิดหน่อยครับ เพราะร้านแกก็ไม่ถือว่าถูกนะครับ ( ตอนที่ติดตั้ง 26,000 บาท) แต่ตอนนั้นก็คิดเผื่ออนาคตแล้วว่า ถ้าช่างมีความรู้ เราก็อุ่นใจ แถมเจ้าของร้านคุมงานติดตั้งเอง ( อันนี้แหละเด็ด เพราะว่าหากงานออกมาไม่ดี จะได้ด่าถูกตัวล่ะทีนี้ 555+) ก็เลยใจง่าย ตกลงใจติดตั้งร้านนี้เลย
สรุปในการติดตั้งนะครับดังนี้
- ติดตั้งระบบแก๊สยี่ห้อ AC
- ใช้ถังแคปซูล ขนาด 58 ลิตร พร้อมขาตั้ง ใช้เวลาในการติดตั้ง 2 วัน เพราะต้องเชื่อมขาตั้งถังแก๊ส (แต่ถ้าติดตั้งถังโดนัท ใช้เวลาติดตั้งเพียงวันเดียวครับ แต่ต้องเพิ่มเงินอีกครับ)
( อันนี้ครับเป็นถังแก๊สที่อยู่ด้านหลังรถผม )
วันไหนแก๊สที่บ้านหมดก็ยกเอาไปใช้แทนได้ครับ 555+
ตอนแรกกะจะติดโดนัท แต่คิดๆดู อย่างแรกต้องเพิ่มตัง อย่างที่สอง ต้องเอายางอะไหล่ออก อย่างที่สาม ความจุถังลดลง เลยตัดสินใจติดถังแคปซูล สรุปจ่ายไป 26,000 บาท (ตัวเบา)
เป็นรูปเครื่องยนต์ผมเองครับ แทบจะมองไม่ออกครับว่าติดตั้งระบบแก๊สแล้ว
จากที่ได้ติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ ตั้งแต่สิงหาคม 55 จนถึงปัจจุบันตุลาคม 56 ผมจะสรุปความคุ้มค่า และข้อเสียของการใช้งาน มาให้ฟังครับ
ความคุ้มค่า
1.) ประหยัดค่าพลังงานเชื้อเพลิง : ประหยัดเท่าไหร่เหรอครับเรามาดูกัน (คิดราคาน้ำมันที่ 36.50 บาท)
สมมติฐาน
|
น้ำมัน
|
แก๊ส
|
SAVE
|
เติม
|
500.00
|
500.00
|
0.00
|
ราคาต่อลิตร
|
36.50
|
13.98
|
22.52
|
ลิตร
|
13.70
|
35.77
|
22.07
|
ระยะทาง
|
180.00
|
343.61
|
163.61
|
กม. / ลิตร
|
13.14
|
9.61
|
-3.53
|
บาท / กม.
|
2.78
|
1.46
|
1.32
|
อันนี้เรามาดูกันว่าถ้าเติม 500 บาท ระหว่างแก๊สกับน้ำมัน จะเห็นได้ว่าราคาแก๊สถูกกว่าราคาน้ำมันถึง
22.52 บาท ทำให้ได้ปริมาณลิตรมากกว่า 22.07 ลิตร จึงทำให้สามารถวิ่งได้ไกลกว่าเดิมอีก 163.61 กิโลเมตร (ถึงแม้ว่าอัตราการเผาไหม้ของแก๊สจะสิ้นเปลืองกว่าน้ำมัน 3.53 กม.ต่อลิตรก็ตาม) ถ้าสรุปให้น่าสนใจก็ต้องบอกว่า “ถ้าใช้น้ำมันจ่าย 2.78 บาทต่อกิโลเมตร ถ้าเติมแก๊สจ่าย 1.46 บาทต่อกิโลเมตร)” ( น่าสนเปล่าครับ )
2.) เวลาจอดรถยนต์ทิ้งไว้ ขณะที่สตาร์ทเครื่อง(อยู่ในระบบแก๊ส) จะไม่เหม็นกลิ่นควันเหมือนระบบน้ำมันครับ จะได้กลิ่นเป็นแก๊สแทน(ก็สดชื่นไปอีกแบบน่ะ)
3.) ทำให้รถยนต์เรามี 2 พลังงานคือ แก๊ส กับ น้ำมัน ซึ่งทำให้สามารถเดินทางได้ระยะทางไกลขึ้น แถมหมดปัญหาเรื่อง น้ำมันจะหมดต้องรีบเติม หรือ แก๊สจะหมดต้องรีบเติม ( กลายเป็นรถยนต์ Hybrid ครับเป็นไงล่ะ ไฮโซป่ะ ) ถ้าเอาแบบว่าเติมเต็มถังทั้งน้ำมัน และแก๊ส เอาแบบคร่าวๆนะครับวิ่งได้ 1,000 กิโลเมตรเห็นจะได้ (แบบว่าวิ่ง กรุงเทพฯ – ภูเก็ต ได้สบายรวดเดียว)
จากข้อดีทั้ง 3 ข้อนี้ผมถูกใจข้อ 1 กับ 3 เป็นที่สุดส่วนข้อ 2 ถือสะว่าเราช่วยลดโลกร้อนกันนะครับ
ต่อไปเรามาดูข้อเสีย และปัญหากันบ้างครับ
ข้อเสีย และปัญหา
1.) อันดับแรกเลยนะครับ จากการที่ผมใช้ถังแคปซูล จึงจำเป็นที่จะต้องไว้กระโปรงหลังรถ จึงทำให้เวลาไปต่างจังหวัด หรือไปซื้อของตามห้างครั้งล่ะเยอะๆ ต้องใช้ความพยายามและต้องคิดเผื่อครับ เพราะว่าเหลือพื้นที่ไว้สำหรับใส่ของน้อยลงครับ ( พื้นที่ใส่ของหายไปประมาณ 25% ) แก้ได้ด้วยติดถังโดนัท (แต่ยางอะไหล่ก็หายไปอีก แถมความจุถังก็ลดลง) แก้ปัญหา 1 ได้ ก็เจอปัญหา 2 อีกนะ 555+
ก็ยังสามารถใส่ของได้เยอะครับ แต่ว่าของที่ชิ้นใหญ่ๆก็ใส่ลำบากครับ
2.) เวลาขายต่อจะทำให้ราคารถยนต์ลดลง
3.) อัตราการเร่งของเครื่องยนต์ลดลงนิดหน่อย (แต่ก็ยังเหยียบขึ้น 120-140 แบบสบายๆ)
4.) น้ำกลั่นจะแห้งเร็วกว่าเดิม (สำหรับแบ็ตเตอร์รี่น้ำ)
5.) ต้องเข้าอู่(ร้านที่ติดตั้งให้) บ่อยกว่าปกติ เนื่องจากต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยกว่าเดิมนิดนึง และเพื่อเช็คสภาพระบบแก๊ส (ให้ช่างจูนระบบครับ)
6.) เครื่องยนต์สั่น ตอนแรกที่ติดตั้งไม่มีอาการนี้ แต่พอใช้สัก 3-4 เดือน เริ่มมีอาการสั่นของเครื่องยนต์ แต่พอเข้าไปที่อู่เขาก็ปรับจูนชุดอุปกรณ์ให้ใหม่ อาการก็เป็นปกติ (คงประมาณเหมือนทำศัลยกรรมน่ะครับ อะไรที่เพิ่มเติมจากของดั่งเดิม ก็ต้องมีการแก้ไขตามอาการกันไป)
พยายามลองคิดหาปัญหาเพิ่มเติมแล้วครับ นึกได้เพียงเท่านี้ครับ(หากคิดได้เพิ่มจากนี้จะรีบมาอัพเดทนะครับ) งั้นขอต่อในส่วนของการดูแลรักษานะครับ (อันนี้ระยะยาวสำคัญที่สุดนะผมว่า)
การดูแลรักษา หลังจากติดระบบแก๊สรถยนต์
1.) ควรจะเติมน้ำมันหล่อเลี้ยงเครื่องไว้ไม่ต่ำกว่าครึ่งถังเสมอ เพราะว่ายังไงเสียเครื่องยนต์ก็ยังต้องการน้ำมัน แล้วอีกอย่างเวลาสตาร์ทเครื่อง ยังสตาร์ทด้วยระบบน้ำมันเสมอ (อันนี้ผมเคยครับ น้ำมันเหลืออยู่นิดหน่อย กระพริบๆแล้ว แถมขับกระพริบมาสักพักแล้วด้วย เวลาสตาร์ทเครื่องผลปรากฎว่า รถสตาร์ทไม่ติดนะครับ เลยแก้ไขด้วยการสตาร์ทด้วยแก๊ส ซึ่งควรใช้เฉพาะฉุกเฉินจริงๆนะครับ)
2.) เวลาขับไปต่างจังหวัดไกลๆ ควรสลับระหว่างการใช้ระบบแก๊ส กับน้ำมัน เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยนะครับ หลายคนเข้าใจว่าติดแก๊สก็วิ่งแก๊สอย่างเดียว(ประหยัด) จริงๆแล้วมันจะทำให้อายุของเครื่องยนต์สั้นลงครับ (จากความร้อนที่สูงกว่าระบบน้ำมัน)
3.) หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก่อนครบอายุสัก 1,000 – 2,000 กิโลเมตร เพราะเนื่องจากว่าการใช้ระบบแก๊สมันจะทำให้เผาไหม้ด้วยความร้อนที่สูงกว่าปกติ จึงทำให้น้ำมันเครื่องอาจจะหมดสภาพก่อนวัยอันควรครับ ( อันนี้คนขับรถยนต์ประจำน่าจะรู้สึกครับ ถ้าเริ่มเหยียบคันเร่งแล้ว ความเร็วไม่ค่อยจะขึ้น รอบเครื่องยนต์เริ่มตื้อๆ อาจแสดงได้ว่าน้ำมันเครื่องเริ่มหนืดแล้วล่ะครับ)
4.) เวลาเราไปติดตั้งระบบแก๊ส จะได้คู่มือมาเล่มนึง ซึ่งทางร้านเขาก็จะเขียนรายละเอียดต่างๆว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว และวิ่งไปกี่กิโลเมตรแล้วหลังจากการติดระบบแก๊สรถยนต์ ซึ่งเขาจะนัดตรวจเช็คระบบ รวมไปถึงปรับจูนชุดอุปกรณ์ ตามระยะทางที่วิ่งไปแต่ละรอบครับ(เหมือนตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ที่ศูนย์อะไรทำนองนั้น) ซึ่งเราควรเข้าไปให้ตรงตามที่ช่างเขาแนะนำครับ (เหมือนคนก็ไปพบแพทย์ ส่วนรถยนต์ก็ไปพบหมอเครื่องยนต์) ซึ่งหลักๆเขาจะเปลี่ยนที่กรองแก๊ส + เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
หน้าตาของเจ้าคู่มือ ขอเรียกมันว่าสมุดพกล่ะกันครับ
หากผู้ขับขี่ดูแลรถยนต์ ผมเชื่อว่าสุขภาพของรถท่านก็จะดีเช่นกันครับ สุดท้ายนี้นะครับ ขอสรุปความคุ้มค่าในแบบฉบับของผม สามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
เรื่องของเงินในกระเป๋า : จากเดิมเติมน้ำมันเดือนละ 6,000 บาท เหลือเติมแก๊ส 2,800 +
น้ำมัน 500 รวมเป็น 3,300 บาท ประหยัดไปประมาณ 2,700 บาท เท่ากับว่าลงทุนติดตั้งไป 26,000 บาท
สามารถหาจุดคุ้มทุนได้จาก 26,000 หาร 2,700 เท่ากับ 9.63 เดือน เท่ากับว่าใช้ไม่เกิน 10 เดือนก็หลุดค่าติดตั้งแล้วครับ ( โอ้พระเจ้ายอด มันจอร์ดมาก ซาร่า )
เรื่องของความสบายใจ : เคยรู้สึกแบบนี้บ้างมั๊ยครับ เวลาเพื่อนฝูงนัดไปไหนที่ไกลจากบ้านเรามากๆ แล้วเราจะนึกในใจว่า ( ฮ่า นี้ จะนัดไกลไปไหนว่ะ สาดดด ) ตอนใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก ผมก็คิดอย่างนั้นแหละ จะไปไหนทีก็คิดหน้าคิดหลัง แต่พอหลังจากติดตั้งเชื้อเพลิงแก๊สเป็นหลัก เวลาจะไปไหนไกลๆก็จะคิดเป็นอีกแบบ ( ประมาณว่า ไกลแค่ไหนก็ จิ๊บๆ ขอแค่นายเ่อ่ยมา ฉันจะไป ไม่ลังเล )
เป็นยังไงบ้างครับ เพื่อนๆนึกอยากจะติดตั้งระบบแก๊สรถยนต์ขึ้นมารึยัง 555+ งั้นผมคงขอปิดเรื่องของระบบแก๊สรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้นะครับ แต่ถ้าผมมีประสบการณ์อื่นๆที่นอกเหนือจากนี้ ไว้จะมาอัพเดทให้ฟังนะครับ ในครั้งหน้าจะเขียนเป็นเรื่องอื่นบ้างแล้วครับ รบกวนช่วยฝากผลงานไว้ในอ้อมกอด อ้อมใจด้วยนะครับ By Special_Pong
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น